ท้องอืด แน่นท้อง อย่าปล่อยทิ้งไว้อาจเสี่ยงโรคนี้

ด้วยการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบของผู้คนในยุคปัจจุบันนี้ทำให้เกิดการรับประทานอาหารที่ไม่เป็นเวลา หรืออาจกินหนักในมื้อเดียว ซึ่งลักษณะดังกล่าวอาจทำให้เกิดอาหาร ท้องอืด ท้องแน่น อาหารไม่ย่อย ขับถ่ายไม่สะดวก ซึ่งคนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นโรคกระเพาะอาหาร และซื้อยามารับประทานเอง แต่ในความจริงแล้วอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคนิ่วในถุงดีก็เป็นได้

รู้จักโรคนิ่วในถุงน้ำดี

นิ่วในถุงน้ำดี (Gall Stone) เป็นโรคในระบบทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อย เกิดจากการตกตะกอนของหินปูนหรือคอเลสเตอรอลในน้ำดี โดยก้อนนิ่วที่ตกตะกอนอาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ จำนวนตั้งแต่หนึ่งก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อน หากปล่อยให้อักเสบหรือติดเชื้อก็อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
  1. นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) อาจเป็นสีเหลือง ขาว เขียวเกิดจากการตกตะกอนไขมัน เนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นในถุงน้ำดี
  2. นิ่วจากเม็ดสี (Pigment Stones) อาจเป็นสีคล้ำดำ เกิดจากความผิดปกติของเลือด โลหิตจาง ตับแข็ง
  3. นิ่วโคลน (Mixed Gallstones) เป็นคล้ายโคลน เหนียว หนืด เกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับ ท่อน้ำดี ตับอ่อน

อาการบอกโรค

นิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่แสดงอาการใด ๆ หรือมีบางอาการ แต่ไม่ครบทุกอาการดังต่อไปนี้

  • ท้องอืด
  • แน่นท้อง อาหารไม่ย่อยหลังทานอาหารไขมันสูง เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
  • ปวดใต้ลิ้นปี่ / ชายโครงด้านขวา
  • ปวดร้าวที่ไหล่ / หลังขวา
  • คลื่นไส้อาเจียน (ถุงน้ำดีติดเชื้อ)
  • มีไข้หนาวสั่น
  • ดีซ่าน / ตัว – ตาเหลือง  (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
  • ปัสสาวะสีเข้ม  (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
  • อุจจาระสีขาว (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)

กลุ่มเสี่ยงนิ่วในถุงน้ำดี

  • เพศหญิง 40 ปีขึ้นไป
  • ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป
  • ภาวะอ้วน น้ำหนักมาก
  • คอเลสเตอรอลสูง
  • โรคเบาหวาน
  • โรคเลือด โลหิตจาง ธาลัสซีเมีย
  • ตั้งครรภ์หลายครั้ง
  • กินยาคุมกำเนิด
  • ทานฮอร์โมนจากภาวะหมดประจำเดือน
  • ผู้ที่อดอาหาร (ถือศีลอด) หรือลดน้ำหนักตัวอย่างรวดเร็ว
  • ทานยาลดไขมันในเลือดบางชนิด
  • พันธุกรรม มีประวัติคนในครอบครัว

วิธีการรักษา

ปัจจุบันมีวิธีการผ่าตัดรักษานิ่วในถุงน้ำดีโดยใช้เทคโนโลยีผ่าตัดผ่านกล้องแบบแผลเล็ก Advanced MIS และฟื้นฟูร่างกายหลังผ่าตัดนิ่วด้วยโปรแกรม ERAS ที่ช่วยเร่งให้การผ่าตัดฟื้นตัวเร็วขึ้น และปรับให้เข้ากับผู้ป่วยแต่ละราย รวมถึงควรปรับเรื่องการกินหลังผ่าตัดควบคู่ไปด้วย เช่น ช่วงแรกควรทานอาหารย่อยง่าย ลดอาหารไขมันสูงเลี่ยงอาการท้องอืดท้องเสีย ลดปริมาณอาหารลงแต่เพิ่มจำนวนมื้อช่วยให้ย่อยอาหารได้ดีขึ้น ค่อย ๆ ปรับไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะทานอาหารได้ตามปกติ

 

ท้องอืด แน่นท้อง อย่าปล่อยทิ้งไว้อาจเสี่ยงโรคนี้

 

ที่มา: https://www.bangkokhospital.com

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top